vip fun88 ทำไมพลังหญิงถึงโดดเด่นในวงการกีฬาเกาหลีเหนือ มีสัดส่วนนักกีฬาหญิงในโอลิมปิกถึง 3 ใน 4

ในวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา คิม มิ-เร และ โจ จิน-มี นักกีฬาจากเกาหลีเหนือได้ชนะเหรียญรางวัลเป็นเหรียญเงินในการแข่งขันกีฬากระโดดน้ำยิงคู่ 10 เมตร

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, ในวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา คิม มิ-เร และ โจ จิน-มี นักกีฬาจากเกาหลีเหนือได้ชนะเหรียญรางวัลเป็นเหรียญเงินในการแข่งขันกีฬากระโดดน้ำยิงคู่ 10 เมตรArticle informationAuthor, กู ยูนา Role, ผู้สื่อข่าวบีบีfun88 ภาษาไทยทำย งไงซี แผนกภาษาเกาหลี 3 สิงหาคม 2024

มหกรรมกีฬาโอลิมปิกถือว่า เป็นโอกาสสำหรับนักกีฬาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อเข้ามาประชันผลลัพธ์ของการตรากตรำฝึกฝนมาเป็นช่วงเวลาหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพในปี 2024 ที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศด้วยการกำหนดให้อัตราส่วนของนักกีฬาชายและนักกีฬาหญิงมีสัดส่วนเท่ากัน 50:50

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงสัดส่วนระหว่างเพศเพศชายและเพศหญิงของนักกีฬามีทีมหนึ่งที่มีความโดดเด่นนั่นคือ นักกีฬาทีมชาติเกาหลีเหนือ ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนเป็นครั้งแรกในรอบแปดปี โดยในครั้งนี้มีนักกีฬาทั้งหมด 16 คน โดย 12 คน ในจำนวนนั้นคือ นักกีฬาผู้หญิง หรือคิดเป็นสัดส่วนราวสามในสี่ของจำนวนนักกีฬาทั้งหมด

ในวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา คิม มิ-เร และ โจ จิน-มี นักกีฬาจากเกาหลีเหนือได้คว้าเหรียญเงินในการแข่งขันกีฬากระโดดน้ำยิงคู่ 10 เมตร ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือคว้าเหรียญรางวัลในกีฬาชนิดนี้ ก่อนหน้านี้คิม กัม-ยอง และรี จอง-ชิก ก็เคยชนะคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันกีฬาปิงปองคู่ผสม

ตารางสรุปเหรียญกีฬาโอลิมปิก 2024รวมรายงานพิเศษเกี่ยวกับโอลิมปิก 2024

ขณะที่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา สื่อทางการของเกาหลีเหนือได้ประกาศว่า นักกีฬาจำนวนมากที่สามารถขึ้นแท่นนักกีฬายอดเยี่ยม 10 คน ประจำปี 2023 เป็นผู้หญิง ซึ่งแน่นอนว่าตัวเลขนักกีฬาทั้งหมด อาจจะไม่ได้มีจำนวนมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศยักษ์ใหญ่ แต่สำหรับนักกีฬาหญิงชาวเกาหลีเหนือ ถือว่าเฉิดฉายในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติเช่นกัน

“สร้างขุมพลังทางการกีฬา”

ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือบอกว่า ผู้นำคนก่อนของเกาหลีเหนือได้เน้นย้ำให้ความสำคัญด้านกีฬาสำหรับประชาชนทุกคนโดยไม่ได้แบ่งแยกเรื่องเพศ

Skip เรื่องแนะนำ and continue readingเรื่องแนะนำทำไมเพลงโฆษณาชวนเชื่อใหม่ล่าสุดของ คิม จอง-อึน ถึงฮิตในติ๊กตอก“คิม จอง-อึน ต้องการให้โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นประธานาธิบดี” ผู้แปรพักตร์ระดับสูงจากเกาหลีเหนือ เปิดเผยกับบีบีซีผู้นำเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทำสงครามกับเกาหลีใต้จริงหรือIBA และคณะกรรมการโอลิมปิกสากล มองต่างกันอย่างไร กรณีนักชกแอลจีเรีย

End of เรื่องแนะนำ

ลี นา-ยัง นักวิชาการด้านเกาหลีเหนืออธิบายให้ บีบีซี แผนกภาษาเกาหลีฟังว่า “เพราะเป้าหมายของนักกีฬาสายสังคมนิยมคือการปลูกฝังผู้มีแนวความคิดทางสังคมนิยม ด้วยการมีร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้แรงงาน และปกป้องประเทศ ไม่ใช่แค่เพียงประเทศเกาหลีเหนือเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึง อดีตสหภาพโซเวียตและจีน ก็ออกแบบนโยบายด้านกีฬาในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย

นายลี ผู้ดำเนินการร้านหนังสือเกี่ยวกับเกาหลีเหนือศึกษาในกรุงโซล ได้รับปริญญาเอกจากการทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับวาทกรรมเกี่ยวกับการกีฬาของผู้หญิงในเกาหลีเหนือ เขาได้สังเกตเห็นว่า เกาหลีเหนือได้เร่งพัฒนานักกีฬาในกลุ่มชนชั้นสูง นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ในขณะนั้นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกถูกใช้เป็นเวทีสำหรับ “สงครามตัวแทนของการแข่งขันเชิงระบบ” และผลงานของนักกีฬาหญิงก็เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบเพื่อใช้แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงในโลกสังคมนิยมก็มีความทัดเทียมและ และมีเสรีภาพอยู่แล้ว

เกาหลีเหนือเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกครั้งแรกในปี 1972 โดยได้เหรียญทองและเหรียญเงินอย่างละ 1 เหรียญ และเหรียญทองแดงอีก 3 เหรียญในนครมิวนิคของเยอรมนี และยังเอาชนะเกาหลีใต้ได้ด้วยซึ่งได้เหรียญรางวัลเพียงเหรียญเงินเพียงเหรียญเดียว

คิม ซัง-ยูน อดีตนักมวยทีมชาติเกาหลีเหนือ ซึ่งแปรพักตร์ในช่วงทศวรรษปี 2000 และปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยด้านกีฬาและวัฒนธรรมระหว่างชนชาติเกาหลี เล่าย้อนให้ฟังว่า “แม้กระทั่งในทศวรรษที่ 1990 ในขณะที่เขายังคงเล่นกีฬาในเกาหลีเหนือ โรงเรียนแต่ละแห่งได้วางระบบไว้อย่างดีเพื่อพัฒนาทักษะกีฬาของเยาวชน ด้วยการแบ่งแยกลักษณะของผู้หญิงผู้หญิงและผู้ชายออกจากกัน”

เขากล่าวอีกว่า “โรงเรียนกีฬาที่ดีที่สุดมักจะเลือกให้การศึกษาคนที่มีแววหรือทักษะ ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาหรือไม่ก็มัธยมศึกษาตอนต้น”

คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือในฐานะประธานคณะกรรมการว่าด้วยกิจการแห่งรัฐเกาหลีเหนือ ผู้ขึ้นสู่อำนาจภายหลังการจากไปของบิดาในปลายปี 2011 ก็ได้เน้นย้ำว่าจะสร้างให้เกาหลีเป็น “ขุมกำลังด้านการกีฬา” ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญ นับตั้งแต่เขาบริหารประเทศ นอกจากนี้ทุกคนทราบกันดีว่า เขาคือหนึ่งใน “ผู้มีความสนใจด้านกีฬา”

คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกีฬาแห่งชาติ ถูกก่อตั้งขึ้นทันทีหลังจาก ที่ผู้นำเกาหลีคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง เพื่อกำกับดูแลแนวนโยบายและโครงการต่าง ๆ ด้านการกีฬา และเป็นที่ทราบกันว่ายังคงทำงานอย่างแข็งขันโดยมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมด้วย ในปี 2015 ก็มีการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์เพื่อการกีฬา โดย โดยในทุกสุดสัปดาห์จะมีการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาด้วย

ศาสตราจารย์ลี วู-ยัง จากบัณฑิตวิทยาลัยแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติเกาหลีเหนือ อธิบายว่า “ในช่วงต้นของการปกครอง คิม จอง-อึน ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ประเทศ (เกาหลีเหนือ) เป็นปกติ แม้ว่าจะอยู่ในระดับจำกัดก็ตาม และในกระบวนการพยายามดังกล่าว เขาก็เริ่มสนใจกีฬามากขึ้น ซึ่งเขารู้สึกว่าเขามีความมั่นใจในกีฬาประเภทนี้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นการผสมผสานความสนใจส่วนตัวของเขา”

ความลับของ “พลังหญิง”

แล้วมีความลับพิเศษเกี่ยวกับผลงาน ล่าสุดที่เกิดขึ้นจากทัพนักกีฬาหญิงชาวเกาหลีเหนือหรือไม่

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นเรื่องยากที่จะระบุว่า นักกีฬาหญิงเกาหลีเหนือมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจน แต่ว่าพวกเธอค่อนข้างจะมีความได้เปรียบมากกว่าในเวทีนานาชาติเมื่อเทียบกับนักกีฬาชายชาวเกาหลีเหนือ

ศาสตราจารย์ เฮียว จอง-พิล จากสถาบันด้านศึกษาเกาหลีเหนือของมหาวิทยาลัยดองกุก ผู้ทำการศึกษาเกี่ยวกับกีฬาของเกาหลีเหนือได้วิเคราะห์ว่า สภาพทางร่างกาย ของนักกีฬาชายชาวเกาหลีเหนือค่อนข้างที่ด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาหญิงในประเทศ เมื่อจำเป็นต้องไปแข่งขันในระดับนานาชาติ

ศาสตราจารย์เฮียว ระบุว่า “ข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของนักกีฬาชายชาวเกาหลีเหนือคือรูปร่างที่เล็กของพวกเขา” และอธิบายต่อว่า “เพื่อให้การพัฒนาเท่าทันรูปร่างของนักกีฬาตะวันตก พวกเขาจำเป็นต้องใช้มาตรการที่ซับซ้อน เช่น รับประทานอาหารที่ดี และรับประทานอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นหลักเป็นจำนวนมาก แต่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้”

ยิ่งไปกว่านั้นจากมุมมองของผู้นำเกาหลีเหนือ ผู้ซึ่งประกาศว่าเขาจะสร้างให้ประเทศเป็น “ขุมกำลังด้านการกีฬา“ แม้ว่าเขาจะไม่มีทางเลือกมากนักแต่ก็ต้องมุ่งความสนใจและลงทุนด้วยทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดในกีฬาสำหรับผู้หญิงซึ่งค่อนข้างสร้างผลงานได้ดีกว่า

ฮาน โซล-ซอง อดีตนักมวยชาวเกาหลีเหนือผู้แปลพักตร์ บอกว่า รู้สึกว่าเกาหลีเหนือไม่ได้สนับสนุนกีฬาสำหรับผู้หญิงเป็นการเฉพาะ แต่เสริมว่า “ผมระมัดระวังเพราะมันจะฟังดูเป็นการเหยียดเพศ แต่ก็มีบทสนทนาที่นักกีฬาของเกาหลีเหนือคุยกันเอง”

“แนวคิดก็คือ ‘ผู้ชายในยุโรปและที่อื่น ๆ นั้นมีร่างกายที่เหนือกว่าและมีประวัติศาสตร์ในวงการกีฬามายาวนาน ดังนั้นผู้ชาย (ชาวเกาหลีเหนือ) จะต้องพบกับความยากลำบากในการเอาชนะอุปสรรคนี้ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม’ ในทางกลับกัน ผู้หญิงไม่ได้มีประวัติศาสตร์ในวงการกีฬามายาวนานในระดับนานาชาติ… และผู้หญิงเกาหลีเหนือก็แข็งแกร่ง ดังนั้น พวกเธอจึงมีพื้นที่ในการฝึกฝนกีฬาที่ไม่เป็นที่นิยม นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการสื่อ”

นายฮาน ปัจจุบันมีอายุ 30 ปีต้น ๆ เคยเป็นนักมวยมืออาชีพในเกาหลีเหนือเป็นเวลาเจ็ดปีก่อนที่เขาจะแปรพักตร์มาอยู่เกาหลีใต้ในช่วงกลางทศวรรษที่ 2010 นอกจากนี้ เขายังเคยเล่นกีฬาให้กับสโมสรกีฬาเอพริล 25 หรือ 4.25 ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลที่โด่งดังที่สุดของเกาหลีเหนือและยังผลิตนักเตะที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก

อย่างไรก็ ตามนายฮาน ยังกล่าวอีกว่า สาขาที่นักกีฬาหญิงชาวเกาหลีเหนือเข้าร่วมแข่งขันยังมีจำกัดอยู่บ้าง เช่น มวยสากล มวยปล้ำ ยกน้ำหนัก และกรีฑา

สำหรับนักกีฬาหญิงที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “วีรสตรีด้านกีฬา” ในเกาหลีเหนือ ประกอบด้วย ชิน กึม-แดน ผู้สร้างสถิติโลก และคว้าเหรียญทอง การแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์โลกในกรุงมอสโกของประเทศรัสเซียในทศวรรษที่ 1960 คเย ซุน-ฮุย ผู้ที่คว้าเหรียญทองในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่เมืองแอตแลนต้า ของสหรัฐอเมริกาในปี 1996 ด้วยการเอาชนะเรียวโกะ ทามูระ นักยูโดชาวญี่ปุ่นในขณะนั้น และจอง ซอง-อ๊ก ผู้ชนะการแข่งขันมาราธอนหญิงในรายการชิงแชมป์โลกครั้งที่ 7 ที่เมืองเซบียา ประเทศสเปน เมื่อปี 1999

จอง ซอง-อ๊ก ชาวเกาหลีเหนือ (กลาง) คว้าเหรียญทองในการแข่งขันมาราธอนหญิงในรายการชิงแชมป์โลกครั้งที่ 7 ที่เมืองเซบียา และได้รับการยกย่องว่าเป็น "ฮีโร่" ของเกาหลีเหนือ

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, จอง ซอง-อ๊ก ชาวเกาหลีเหนือ (กลาง) คว้าเหรียญทองในการแข่งขันมาราธอนหญิงในรายการชิงแชมป์โลกครั้งที่ 7 ที่เมืองเซบียา และได้รับการยกย่องว่าเป็น "ฮีโร่" ของเกาหลีเหนือ

ยกระดับสถานะของผู้หญิง ?

อีกเรื่องหนึ่งที่ควรทราบคือ คิม จอง-อึนเน้นย้ำถึงบทบาทของผู้หญิงในครอบครัวและสังคม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนกีฬา นั่นหมายความว่านโยบายทั้งหมดเกี่ยวกับผู้หญิงได้เปลี่ยนไปนับตั้งแต่คิม จอง-อึนขึ้นสู่อำนาจ

นับตั้งแต่ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือขึ้นสู่อำนาจ เขาได้ส่งเสริมความก้าวหน้าของสตรีในสังคมด้วยการกำหนดให้วันที่ 8 มี.ค. เป็นวันสตรีสากลตามอย่างวันสตรีสากลในต่างประเทศ และวันที่ 16 พ.ย. เป็นวันแม่ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ นอกจากนี้ สตรียังเข้าร่วมงานทางการมากขึ้นด้วย เช่น คิม จูน-เอ ลูกสาว คิม โย-จอง ผู้เป็นน้องสาว และรัฐมนตรีต่างประเทศชเว ซอน-ฮุย

อันที่จริง สถาบันเกาหลีเพื่อการศึกษาการรวมชาติ ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่ได้รับทุนจากรัฐบาล ได้ระบุใน “สมุดปกขาวว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือประจำปี 2023” ที่เผยแพร่เมื่อปลายปีที่แล้วว่า ความก้าวหน้าทางสังคมของผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นภายใต้ระบอบการปกครองของคิม จอง-อึน และเสียงของพวกเธอในบ้านก็เข้มแข็งขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังชี้ให้เห็นอีกว่า “บทบาททางเพศที่ตายตัวและการเลือกปฏิบัติยังคงมีอยู่ในหมู่ประชาชน” และ “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตระหนักรู้เกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติทางเพศและความรุนแรงในครอบครัวยังคงล้าหลังในพื้นที่ชนบทเมื่อเทียบกับในเมือง”

ศาสตราจารย์ผู้นี้ระบุว่า การให้ความสำคัญในเรื่องสตรีของคิม จอง-อึน คือส่วนหนึ่งของความพยายามที่ทำให้เกาหลีเหนือดูเหมือนว่า เป็นประเทศปกติธรรมดา เช่นเดียวกันกับการให้การศึกษาใหม่เชิงอุดมการณ์ที่พุ่งเป้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่

“ปัจจุบัน วัยรุ่นในเกาหลีเหนือที่อยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างวัยรุ่นตอนปลายกับวัยผู้ใหญ่อายุ 20 ต้น ๆ หรือที่เรียกกันว่า เจเนเรชั่น เอ็มซี (MZ generation) ซึ่งเป็นวัยที่พ่อแม่ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจแล้วในตลาด โดยที่พวกเขาเฝ้าสังเกตและเรียนรู้จากประสบการณ์ของพ่อแม่โดยธรรมชาติ และตระหนักว่า สังคมนิยมเกาหลีเหนือไม่ใช่สังคมแห่งอุดมคติ หรือ ยูโทเปีย“

คำอธิบายนี้คือ หลังจากช่วงการเดินหน้าผ่าฟันความยากลำบาก (Arduous March) ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 มีผู้หญิงจำนวนมากที่ออกมาในตลาดแรงงาน เพื่อช่วยทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทดแทนสามีของพวกเธอ และในกระบวนการดังกล่าว ความเชื่อมั่นในระบบการกระจายสังคมนิยมถือว่าถดถอยอย่างมาก ในท้ายที่สุดแล้ว ผู้หญิงในยุคตลาดคือผู้ที่จะต้องโน้มน้าวระบบและให้ความรู้แก่ลูกหลานของตนเกี่ยวกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม บางคนชี้ให้เห็นว่า นี่เป็นเรื่องยากที่จะเห็นแนวโน้มดังกล่าว ในลักษณะที่จะทำให้สถานะของผู้หญิงในเกาหลีดีขึ้น นอกเสียจากว่า ทำให้เกิดภาระความรับผิดชอบให้กับผู้หญิงเกินไป

ดร.ลี นา-ยัง บอกว่า “ผู้หญิงชาวเกาหลีเหนือต้องกลายเป็นพลเมืองของพรรค[คอมมิวนิสต์] ที่ใช้แรงงาน กำเนิดบุตรและเลี้ยงดูพวกเขา และในตอนนี้พวกเธอยังต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้การศึกษาแก่ลูก ๆ เพื่อปกป้องพวกเขาจากแนวโน้มการต่อต้านแนวคิดสังคมนิยม…ขณะที่ภาระความรับผิดชอบเกินความจำเป็นในสตรีเกาหลีเหนือแล้ว ยังมีแม้กระทั่งแนวโน้มการหลีกเลี่ยง (การให้กำเนิดบุตรด้วย)

สมุดปกขาวด้านสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือประจำปี 2023 เผยแพร่โดยสถาบันเพื่อการศึกษารวมชาติระบุว่า “แม้ว่าเกาหลีเหนือได้แสดงความจำนงที่จะทบทวนหรือยกเลิกขนบธรรมเนียมและแนวปฏิบัติที่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีผ่านกฎหมายและระบบ ปรากฏว่าบทบาททางเพศที่ตายตัวและจิตสำนึกในการเลือกปฏิบัติยังคงมีอยู่ในหมู่ประชาชน”

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, สมุดปกขาวด้านสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือประจำปี 2023 เผยแพร่โดยสถาบันเพื่อการศึกษารวมชาติระบุว่า “แม้ว่าเกาหลีเหนือได้แสดงความจำนงที่จะทบทวนหรือยกเลิกขนบธรรมเนียมและแนวปฏิบัติที่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีผ่านกฎหมายและระบบ แต่ปรากฏว่าบทบาททางเพศที่ตายตัวและจิตสำนึกในการเลือกปฏิบัติยังคงมีอยู่ในหมู่ประชาชน”

ส่วนในกรณีกิจการกีฬาของสตรี ปัญหาต่าง ๆ เช่น ความรุนแรงระหว่างการฝึกซ้อม และการขยายโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการฝึกซ้อมยังถูกชี้ให้เห็นอีกด้วย

นายฮานกล่าวว่า “เกาหลีเหนือมีสภาพย่ำแยในทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เพียงแค่สิทธิสตรีเท่านั้น แต่สิทธิสตรียังได้รับการประกันย่ำแย่เป็นพิเศษ” เขากล่าวเสริมว่า “คุณอาจพูดได้ว่า (ในโลกกีฬาของเกาหลีเหนือ) สิ่งต่างๆ เช่น การทำร้ายร่างกายและการล่วงละเมิดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง”

ประธานคิมระบุว่า “มีการแข่งขันและแมตช์มากมายและหลากหลายในเกาหลีเหนือที่ผู้ชายเข้าร่วม แต่ทีมหญิงและจำนวนประชากรค่อนข้างจำกัด ดังนั้นจึงมีการแข่งขันและแมตช์ไม่มากเท่าผู้ชาย”

เขากล่าวเสริมว่า “มีนักกีฬาในเกาหลีเหนือที่มีศักยภาพที่จะมีทักษะมากกว่านักกีฬาหญิงที่ลงแข่งขันในเอเชียนเกมส์หรือโอลิมปิก แต่มีสาเหตุหลายประการที่พวกเขาไม่สามารถแข่งขันในโอลิมปิกได้”

อย่างไรก็ตาม นายฮานตั้งคำถามว่า ผู้คนมองนักกีฬาเกาหลีเหนือที่ลงแข่งขันในเวทีระดับนานาชาติว่าเป็น "นักกีฬา" เช่นเดียวกับนักกีฬาคนอื่นๆ แทนที่จะมองพวกเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจหรือแสดงความเกลียดชัง

“ผมคิดว่าคงจะดีที่ได้ให้เชียร์ (นักกีฬาเกาหลีเหนือ) เพราะพวกเขามาโอลิมปิกโดยไม่คำนึงถึงอุดมการณ์… ผมหวังว่านี่จะเป็นเวทีที่พวกเขาสามารถแสดงทุกสิ่งที่พวกเขาได้เตรียมไว้อย่างหนักเพื่อสิ่งนี้ได้อย่างเต็มที่”

ยืนยันการขอรับโบนัส

โบนัสจะถูกเพิ่มเข้าสู่บัญชีเกมของคุณในเวลาที่กำหนด

มีบางสิ่งที่ควรคํานึงถึงเมื่อรับรหัสโบนัสการเดิมพันกีฬา Fun88 ของคุณ:

โบนัสการฝากเงินครั้งแรกสำหรับการเดิมพันกีฬามักจะอยู่ที่ 300%-400% สูงสุดถึง 3000 รูปีอินเดีย

โบนัสมีอายุการใช้งาน 30 วัน

ต้องทำยอดเทิร์นโอเวอร์ 25 เท่าของเงินฝากและโบนัสก่อนที่จะถอนเงินได้

ผู้ใช้ใหม่แต่ละคนสามารถรับโบนัสการฝากเงินครั้งแรกได้เพียงครั้งเดียว

เมื่อใช้โบนัสสำหรับการเดิมพันกีฬา ต้องเดิมพันในอัตราต่อรองที่กำหนดขึ้นไปจึงจะนับเป็นยอดเทิร์นโอเวอร์

วิธีรับโบนัส Fun88 ประเภทอื่นๆ

นอกจากรหัสโบนัสเงินฝากครั้งแรกแล้ว Fun88 ยังมีโบนัสและโปรโมชั่นประเภทอื่นๆ อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เงินคืนรายสัปดาห์ เดิมพันฟรี และรางวัลแนะนําเพื่อน นี่คือขั้นตอนพื้นฐานในการรับโบนัสเหล่านี้:

การคืนเงินรายสัปดาห์

เข้าสู่ระบบบัญชีของคุณ เข้าสู่หน้า “โปรโมชั่นของฉัน” และค้นหากิจกรรมคืนเงินรายสัปดาห์ ทำการเดิมพันตามข้อกำหนดของกิจกรรม ระบบจะเพิ่มจำนวนเงินคืนให้กับบัญชีของคุณในเวลาที่กำหนด